ที่มา : หนังสือ นี่เงินเดือนหรือเงินทอน
เขียนโดย :  โอมศิริ วีระกุล
ภาพประกอบ : https://freepik.com/
======================================
สิ่งแรกที่ทำให้สะดุดตามากๆ กับหนังสือเล่มนี้คงหนีไม่พ้น ชื่อของหนังสือ “นี่เงินเดือนหรือเงินทอน” คำพูดขำๆแบบนี้ บางทีอาจจะเห็นเป็นเรื่องตลก แต่ก็อาจจะไปตรงใจกับใครหลายคนก็เป็นได้ อาจทำให้ใครหลายคนต้องหยุดพร้อมกับคิดในใจว่า มีความคล้ายกับชีวิตจริงของเราเหลือเกิน ในวันที่ชักหน้าไม่ค่อยจะถึงหลัง หรือในวันที่มีเงินเดือนเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยพอใช้  ผู้เขียน “คุณโอมศิริ วีระกุล” ได้หยิบยกเรื่องราวที่น่าสนใจมาถ่ายทอด แบ่งเป็น 3 มุมมอง ได้แก่ มุมมองด้าน Money, Life และ Balance โดยนำประสบการณ์ เทคนิค ข้อมูล และกรณีศึกษาที่น่าสนใจ มารวมกันไว้ในหนังสือเล่มนี้

ห้องสมุดมารวยขอหยิบเรื่องเล่าบางส่วนจากหนังสือ ที่ช่วยให้คุณมีไอเดียการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ขึ้นมาเพื่อเรียกน้ำย่อย เรามาเริ่มกันเลยนะครับ

รับสมัครงานขายลูกชิ้น ไม่มีเงินเดือนให้
เป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งต้องการขยายธุรกิจขายลูกชิ้นของตัวเองให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่มีทุนมากพอที่จะจ้างคนออกไปกระจายขายลูกชิ้นให้เร็วขึ้นได้ แถมยังมีภาระหนี้สินที่ต้องรีบจ่ายให้หมดในแต่ละเดือนอีกด้วย เมื่อคำนวณแล้วถ้าต้องการขยายธุรกิจและชำระหนี้ได้เขาจะต้องขายให้ได้กำไรวันละ 3,333 บาท สิ่งที่เค้าคิดต่อ คือ ทำอย่างไรถึงจะขยายการขายได้เพิ่มโดยที่ไม่มีต้นทุนมากขึ้นจากการจ้างคนมาช่วยเพิ่ม เขาจึงทำประกาศรับสมัครงานที่สุดยอดการตลาดด้วยคำว่า “รับสมัครงานขายลูกชิ้น ไม่มีเงินเดือนให้” เมื่อเริ่มประกาศออกไป ก็ทำเอาหลายคนสงสัย และมันก็ทำให้คนที่สนใจเดินเข้ามาถามรายละเอียดว่างานเป็นอย่างไรที่ว่าไม่มีเงินเดือนให้ เจ้าของร้านจึงได้มีโอกาสอธิบายว่า ค่าจ้างที่จ่ายให้จะเป็นเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งจากยอดขายแทนเงินเดือน เรียกได้ว่าป้ายประกาศรับสมัครงานชิ้นนี้เป็นทั้งโฆษณา และก็ยังกลายเป็นเครื่องคัดกรองคนที่ใช่เท่านั้นในการเลือกคนมาทำงาน หลังจากติดป้ายไปไม่นานก็สามารถขยายตัวแทน จนในที่สุดแล้วก็ทำยอดขายได้วันละ 3,333 บาท ในไม่นาน และหลังจากนั้นก็สามารถขายได้เกินกว่าภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน จะเห็นว่าไอเดียธุรกิจที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มรายรับได้นั้นเริ่มต้นได้จากเรื่องเล็กๆ ใกล้ตัว

แค่เปลี่ยน Font ก็ประหยัดได้หลายแสน
ใครจะคิดว่าเรื่องเล็กๆ บางเรื่องสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล อย่างเรื่องนี้ ซูเวียร์ เมอร์ชานดานี ฝ่ายจัดการเอกสารรัฐบาลสหรัฐอเมริกา  เธอเสนอไอเดียในการประหยัดงบประมาณของหน่วยงาน จากการที่เธอสังเกตเห็นว่าบรรดาใบปลิวต่างๆ ที่พิมพ์แจกกันมากมายตลอดทั้งปี นอกจากจะหันมาใช้กระดาษ Reuse แล้ว น่าจะสามารถประหยัดหมึกในการพิมพ์ลงไปได้โดยที่ทำให้เนื้อหาที่ต้องการสื่อสารไม่ได้ลดเนื้อความไปแต่อย่างไร เธอได้ทำการทดสอบการพิมพ์ข้อความแบบเดียวกันจากหลายๆ ฟอนต์ จนค้นพบว่าฟอนต์ Garamond นั้นสามารถประหยัดหมึกพิมพ์ได้มากกว่าฟอนต์ประเภทอื่นๆ เพราะ Garamond เป็นฟอนต์ที่มีลักษณะไม่หนามากนั่นเอง จากการทดลองง่ายๆ สามารถช่วยให้รัฐบาลสหรัฐฯ ประหยัดเงินได้มากกว่า 11,000 ล้านบาทเลยทีเดียว  

อายุเท่านี้ควรมีเงินเท่าไหร่
นี่คงเป็นคำถามสุดคลาสสิคที่มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ชอบถามตัวเองประจำ เพราะมักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเสมอ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าชีวิตเราด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่อายุใกล้เคียงกันที่เขาประสบความสำเร็จมากกว่า แล้วจากคำถามที่มักจะถามกันว่าอายุเท่านี้ควรมีเงินเท่าไหร่ ก็ทำให้เรามักติดอยู่กับ “กับดัก” การเก็บเงินให้ได้มากที่สุดจนเกินไป หรือถ้าจะเป็นการลงทุนก็มักจะลงทุนกับอะไรที่มองแต่ผลกำไรสูงสุดที่คาดว่าจะได้ จนลืมคิดไปว่าการลงทุนที่ดีที่สุด คือ การลงทุนในตัวเองเพื่อให้สามารถสร้างเงินในอนาคตได้ง่ายกว่านี้ นอกจากนี้ผู้เขียนเล่าว่าตัวเองก็เคยไปลงทุนทำร้านอาหารแล้วก็เสียเงินหลักแสนไปเปล่าๆ เมื่อถูกถามว่าเสียดายไหมก็บอกตรงๆ ว่าเสียดาย แต่สิ่งที่ได้มากกว่าคือประสบการณ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้เพราะความล้มเหลวหลักแสนเป็นครูชั้นดี ที่สอนให้ได้เรียนรู้ ไม่มีที่ไหนให้ประสบการณ์จริงที่เข้มข้นแบบนี้ได้ ดังนั้นถ้าอายุยังน้อย ควรแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนกับตัวเองให้มากขึ้น เพราะตัวเราเอง คือ เครื่องมือทำเงินที่ดีที่สุดตลอดชีวิต  

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับตัวอย่างที่นำมาเล่ากัน สำหรับบางคนอิสรภาพทางการเงินอาจจะเป็นเรื่องไกลเกินฝัน เป้าหมายไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ขอเพียงใช้พลังใจ ความเพียรและความมุ่งมั่น หมั่นศึกษาและวางรากฐานทางการเงินของตัวเองให้มั่นคง เพื่อฝึกกรอบนิสัยให้มีวินัยทางการเงินที่แข็งแรง เป้าหมายที่วางไว้ย่อมต้องมาถึงในสักวัน และวันนั้น…. เงินเดือนของคุณจะต้องไม่เป็นแค่เงินทอนอีกต่อไป